admin | 20.Jun.2025 | เวียดนาม
เมื่อต้นเดือนแอดได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเวียดนามมา หลายคนมองข้ามการท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเพราะคิดว่าไม่น่าสนใจ แต่ขอบอกเลยว่าที่เวียดนามค่าครองชีพบ้านเค้าถูกพอๆกับประเทศไทย อาหารก็อร่อย เดินทางง่าย ค่าแท็กซี่ไม่แพง แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสวยๆอีกด้วย จนทำให้แอดตัดสินใจไปออกทริปนอกเมืองฮานอย1วันและทริปพิเศษ(?) ถ้าอยากรู้ว่าเป็นที่ไหน ก็ตามไปดูกันเลย
วันแรกตั้งใจเที่ยวแบบชิลๆในฮานอย เลยไปเดินเล่นแถวทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม นอกจากที่นี่จะมีจุดเด่นเป็นสะพานสีแดงทอดยาวและหอคอยเต่าที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้ด้วย
ไหนๆมาถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูด้านในพิพิธภัณฑ์สักหน่อย
บรรยากาศรอบทะเลสาบ เห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นพอดี ถึงอากาศจะร้อนเหมือนที่ไทย แต่แถวนี้ต้นไม้สีเขียวเยอะ พอมีลมพัดบ้างบรรยากาศเลยร่มรื่นมาก
มื้อแรกวันที่มาถึงฮานอย เราเลือกร้าน Bun Cha ที่เพื่อนคนเวียดนามแนะนำ หน้าร้านดูบ้านๆแต่รสชาติอร่อย แถมให้เยอะมากแบบที่ทานได้2คน!! (แน่นอนว่าแอดกินคนเดียวไม่หมด) น้ำซุปกลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป ให้ผักสด เส้นและเนื้อมาแบบจุกๆ ปอเปี๊ยะทอดมีกุ้งแห้งด้านในก็กรอบอร่อย เป็นอาหารโลคอลที่อยากให้ทุกคนลองเปิดใจทานดู แต่ถ้าเจอร้านไม่อร่อยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทาน ก็อาจจะไม่ประทับใจ
ถนนรถไฟฮานอย ที่ตอนแรกคิดว่าจะได้เห็นรถไฟวิ่งผ่าน แต่มารู้ทีหลังว่าวันธรรมดารอบเวลาที่รถไฟวิ่งจะไม่เหมือนวันหยุด เลยอดเห็นไป รอบๆนี้ก็จะมีร้านกินดื่มให้เลือกนั่งได้ตามสะดวกและมีนักท่องเที่ยวคอยแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่ตลอด
มื้อเย็น เพื่อนๆคนเวียดนามพาเราไปกินของอร่อย เมนูนี้เรียกว่า Fish Hot pot จะเอาปลามาผัดๆกับผักหลายชนิดกินกับซอสคล้ายกะปิบ้านเราและถั่วลิสง จากนั้นก็จะทำเป็นแบบหม้อไฟปลาอีกทีหลัง
กินของคาวก็ต้องตามด้วยของหวานที่คาเฟ่ Bancong แค่หน้าร้านก็ตกแต่งได้น่ารักมากแล้ว เครื่องดื่มที่นี่ก็อร่อย
บรรยากาศในร้านมีความวินเทจสุดๆ
อย่างที่บอกไปว่าเราอยากมาชมธรรมชาตินอกเมืองบ้าง วันนี้เราตัดสินใจมาเที่ยวที่เมืองนิงห์บิงห์ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในเวียดนาม ตั้งอยู่ที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดงของภาคเหนือในประเทศ วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไปคือการซื้อทัวร์ที่มีไกด์ท้องถิ่น
ออกเดินทางจากฮานอยแต่เช้า ชมวิวระหว่างทาง
แล้วก็มาถึง Bai Dinh Pagoda ไกด์จะพาเราเดินชมตามที่ต่างๆ ด้วยความกว้างใหญ่ของที่นี่และมีเวลาจำกัด เลยน่าเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เดินเข้าไปถึงเจดีย์ด้านใน
บรรยากาศระหว่างทางเดินจากที่นึ่งไปอีกที่นึง แค่เห็นแหล่งน้ำ ต้นไม้ วิวภูเขาด้านหลังก็รู้สึกร่มรื่นมากๆ
ที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ Trang An ที่นี่จะมีกิจกรรมพายเรือล่องตามน้ำแล้วชมวิวธรรมชาติแบบชิลๆ มองวิวภูเขาได้ 360 องศาแบบไม่รู้เบื่อ
แต่ถ้าเบื่อจริงๆ ก็ช่วยคุณป้าพายเรือได้ เรือจะแล่นไวขึ้นด้วยนะ555
และนี่ก็คือศาลากลางน้ำ เป็นไฮไลต์ที่ทุกคนต้องหยุดต้องถ่ายรูป พอมาถึงตรงนี้คุณป้าคนพายเรือก็จะชะลอเรือเพื่อหยุดให้เราได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ส่วนตัวแอดชอบที่นี่มาก ธรรมชาติมันสวยงามและยิ่งใหญ่จริงๆ เป็นการนั่งเรือชมวิวเกือบ 2 ชั่วโมงที่คุ้มค่าสุดๆ ถ้าใครได้ไปฮานอยก็อยากแนะนำให้แวะไปเที่ยวที่นี่สัก 1 วัน ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากด้วย
ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ คือ Mua Cave ที่เราต้องปีนบนเขาขึ้นไปถึงจะได้เห็นวิวด้านบน ไกด์บอกว่ามี 2 ทางเลือก คือ ยอดเขาที่สูงน้อยกับยอดเขาที่สูงมาก แต่ยิ่งสูง วิวที่จะได้เห็นก็คุ้มค่ามาก แน่นอนว่าเราเลือกทางยาก มาเที่ยวทั้งทีจะยอมแพ้ง่ายๆไม่ได้
ระหว่างทางที่ปีนขึ้นไป มองลงมาจะเห็นสระบัวขนาดใหญ่มาก เห็นยอดเขาที่มีเจดีย์ทางซ้ายในรูปไหม? นั่นคืออีกยอดเขานึงที่สูงน้อยกว่าไงล่ะ ขนาดยังไปไม่ถึงด้านบนสุดเลย ตรงนี้ก็สูงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย…
เจอน้องแพะที่มาขอน้ำกิน น้องๆปีนเขาเก่งกว่าพวกเราอีกนะ
กว่าจะขึ้นมาถึงด้านบนสุดได้ไม่ง่าย แต่พอเห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อย วิวหลักล้านของแท้ไม่พูดเยอะ มันสวยมากจริงๆ
ทริปพิเศษที่แอบเพิ่มเข้าในแพลนก็คือเมือง Tam Dao (ตามด๋าว) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาและมีกลิ่นอายของยุโรปเพราะสร้างโดยชาวฝรั่งเศสที่เคยอาศัยมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม
ที่ Tam Dao Time Square มีทั้งเด็ก วัยรุ่นมานั่งเล่นกันที่นี่
มองไปทางไหนก็เห็นแต่เขา เอ้ย!ภูเขา
Chateau De Tam Dao หรือปราสาทตามด๋าว ซึ่งจริงๆแล้วเป็นโรงแรมที่ถูกสร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากปราสาทเปเลสในโรมาเนียและปราสาทนอยชวานชไตน์ในเยอรมนี ถึงจะถูกสร้างมาหลายปีแล้วแต่ด้านในก็ไม่เสร็จ เลยไม่ได้เปิดให้บริการ
ถึงจะไม่เปิด แต่ก็ให้นักท่องเที่ยวมาเดินเล่น ถ่ายรูปแถวๆทางเข้าได้ ช่วงเย็นๆมีหมอกลงแล้ว
วิวคาเฟ่ที่มองเห็นปราสาท ตอนแอดไปไม่มีคนเลยได้ถ่ายรูปแบบสบายๆ
Tam Dao Stone church ยามค่ำคืน ที่นี่เค้าเปิดไฟนิดๆหน่อยๆดูสวยไปคนละแบบกับตอนกลางวัน
กลับมาเดินเล่นแถวๆ Tam Dao Time Square อีกที… นึกว่าอยู่ใน Silent Hill
บรรยากาศตอนเช้าแถวที่พัก มองเห็นปราสาทไกลๆ พอหมอกลงก็อากาศเย็นๆนิดหน่อย
กลับมาที่ฮานอยอีกครั้ง วันนี้เพื่อนเวียดนามพาไปลองอาหารเวียดนามแบบต้นตำรับที่ร้านอาหาร
อันนี้สัมผัสจะคล้ายๆขนมครกบ้านเรา แต่เป็นของคาวทำจากข้าวบด เป็นหน้ากุ้งกับหน้าหมู กินกับน้ำมันต้นหอมและน้ำส้มสายชูตัดเลี่ยน รสชาติแปลกใหม่ อร่อยดี
เมนูนี้จะเป็นแป้งกรอบๆ กินกับหอยตลับผัดสมุนไพรต่างๆ กลิ่นหอม รสชาติลงตัว เข้ากันมาก กินเพลินสุดแทบหยุดไม่อยู่
เมนูนี้จะเหมือนขนมเบื้องญวนแป้งกรอบ ไส้เยอะ กินกับน้ำจิ้มและผักสด
ทุกอย่างอร่อยมาก ทั้งรสชาติและสัมผัสแปลกใหม่ ถ้าใครมีโอกาสก็ลองไปหากินกันดูนะ
ที่ Cafe Giang เป็นต้นตำรับเจ้าแรกของกาแฟไข่ในเวียดนาม ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 โดย Nguyen Van Giang ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตรกาแฟไข่ขึ้นมาในยุคที่นมขาดแคลน โดยใช้ไข่แดงตีกับน้ำตาลแทน นี่เป็นการลองชิมกาแฟไข่ครั้งแรกของแอด ที่ไม่ได้ชอบกินกาแฟเท่าไหร่ยังชอบเมนูนี้ กาแฟขมๆมันเข้ากับไข่ตีกับน้ำตาลที่โปะมาด้านบนมากๆ แต่ร้านก็มีเมนูอื่นอย่างโกโก้ไข่ สำหรับคนไม่กินกาแฟด้วย
มาเวียดนามจะขาดเฝอไปได้ยังไง แอดคิดว่าเฝอไก่ในฮานอยอร่อยมาก น้ำซุปรสชาติหอม กลมกล่อมสุดๆ บีบมะนาวยิ่งซดซุปได้เพลินไปอีก
เมนูนี้คือปากหม้อญวน วิธีกินคล้ายๆกับ Bun Cha ที่ไทยก็มีร้านอาหารมากมายที่มีปากหม้อญวนแต่มากินที่เวียดนามคือต้นตำรับที่สุด ไส้แน่นให้เยอะ ตอนกินอย่าลืมบีบมะนาวลูกเล็กๆลงในซุปด้วยนะ
เที่ยวกันต่อ St. Joseph’s Cathedral หรืออาสนวิหารเซนต์โจเซฟ เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอยและมีต้นแบบมาจากวิหารนอทเทอร์ดามในกรุงปารีส
ภายในโบสถ์ ที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมตลอดเวลา
อีกมุมของหน้าโบสถ์
จบแล้วสำหรับทริปเวียดนามในครั้งนี้ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเวียดนามเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย เหมาะกับมือใหม่หัดเที่ยวต่างประเทศคนเดียวแน่นอน อยากให้ทุกคนลองเปิดใจกับการเที่ยวในประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ดูสักครั้ง ไม่แน่ว่าพอได้มาครั้งหนึ่งแล้วก็อาจจะมีทริปต่อไปอีกก็ได้นะ
admin